| สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และคณะ ร่วมพบปะเยี่ยมเยียนประชาชนในชุมชนนาใน ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต กับโครงการสภานิติบัญญัติแห่งชาติพบประชาชนตามวิถีไทยนิยม ยั่งยืน | ||
 |
||
| วันนี้ (4 พ.ค.61) ที่ทำการชุมชนนาใน ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต พลเรือเอกชุมนุม อาจวงษ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และคณะ ร่วมสังเกตุการณ์และพบปะประชาชนในพื้นที่ชุมชนนาใน ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต ในการจัดเวทีขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ ตามโครงการใครนิยม ยั่งยืน เวทีที่ 3 ชุมชนนาใน ประเด็นเรื้องหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งการเข้าร่วมสังเกตการณ์และพบปะประชาชนในครั้งนี้เป็นไปตามโครงการสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติพบประชาชน ตามวิถีไทยนิยมยั่งยืน จังหวัดภูเก็ต ในระหว่างวันที่ 4-5 พฤษภาคม 2561 โดยมี นายสนิท ศรีวิหค รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต, นายศักดิ์ชัย คุณานุวัฒน์ชัยเดช ปลัดจังหวัดภูเก็ต , นายสมปราชญ์ ปราบสงคราม นายอำเภอกระทู้, นายกิติพล เวชกุล พัฒนาการจังหวัดภูเก็ต และหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมให้การต้อนรับ โดยการจัดเวทีประชาคมในครั้งนี้ มีคณะทำงานทีมขับเคลื่อนระดับตำบล ของตำบลป่าตอง จำนวน 12 คน เป็นคณะวิทยากรให้ความรู้เรื่องหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยมี ผู้นำชุมชน และประชาชนในชุมชนนาใน และชุมชนอื่นๆของตำบลป่าตอง จำนวนกว่า 130 คน เข้าร่วม พลเรือเอก ชุมนุม อาจวงษ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวว่า การที่ สนช. เข้ามาร่วมในโครงการไทยนิยมยั่งยืน ของรัฐบาล สนช. เนื่องจาก สนช.เป็นส่วนหนึ่งของแม่น้ำ 5 สาย และมีหน้าที่คอยดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชน และทำหน้าที่เปรียบเสมือน สส. สว. มีหน้าที่ในการออกกฎหมาย และแจ้งให้ทางฝ่ายบริหารให้ไปแก้ไขในประเด็นต่างๆ ในเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งตนได้มีโอกาสมาภูเก็ตหลายครั้ง แต่มาทำประชามติจนมาถึงโครงการที่เรียกว่า สนช.พบประชาชน เพื่อมารับฟังปัญหาจากการจัดเวทีในครั้งนี้ ซึ่งเรื่องนี้ทาง สนช. ก็สนับสนุนกับทางรัฐบาล อย่าง โครงการที่นิยมยั่งยืน เพราะการใช้งบประมาณทั้งหมด จะต้องผ่านทาง สนช.มาก่อน ในการใช้งบประมาณ และเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศ รวมถึงการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน มีการพูดกันในเวทีระหว่างประเทศ ว่าประชาธิปไตยถ้าจะให้ประชาชนมีส่วนร่วมไม่ใช่แค่เพียงไปเลือกตั้งอย่างเดียวเท่านั้น ประชาชนจะต้องมีส่วนร่วมตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีส่วนร่วมในการกำกับดูแลการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งมีการดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ประชาชนจะต้องมีส่วนร่วมด้วย โดยประชาชนจะต้องมีเวทีและได้มีส่วนร่วมเริ่มต้นตั้งแต่กำหนดความต้องการของประชาชนเองอย่างแท้จริง ลำดับความเร่งด่วนความสำคัญในการแก้ปัญหาในท้องถิ่นที่อยู่ ตลอดจนมีการคิดและตัดสินใจเลือกที่ว่าจะใช้ทำอะไร และจึงเป็นที่มาของโครงการไทยนิยมยั่งยืน และเป็นการดำเนินการตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง อย่างเช่นวิทยากรได้อธิบายหลักเศรษฐกิจพอเพียง อยากให้ประชาชนเข้าใจว่าสิ่งใดที่เป็นเรื่องความจำเป็น ก็จะต้องดำเนินการก่อนและอะไรที่เป็นนอกจากที่เหลือปัญหาแล้ว เราถึงค่อยไปดำเนินการบริหารจัดการ และต้องคำนึงถึงความพอเพียงและสิ่งแวดล้อมต่างๆ ถึงไม่ใช่เฉพาะตัวเราเอง อย่างชุมชนจะต้องนึกถึงชุมชนหลายหลายชุมชน รวมไปถึงเป็นอำเภอเป็นจังหวัด ซึ่งเชื่อมโยงกันทั้งสิ้น อันนี้ก็เป็นวัตถุประสงค์ของโครงการนี้ และ การลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมในครั้งนี้เพื่อมาพบปะพูดคุยเพื่อให้คำแนะนำปรึกษาในประเด็นที่มีปัญหาสนับสนุนขวัญและกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่ภาครัฐภาคประชาชน และประชาชนในการเข้าร่วมโครงการ ด้วยข้อมูลที่ได้จากการจัดเวที จะรวบรวมจัดเก็บในฐานข้อมูล เพื่อให้การแก้ปัญหาเป็นไปอย่างยั่งยืน นโยบายนี้ กับยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ประชาชนมีส่วนสำคัญที่จะทำให้เกิดขึ้นได้ ลำพังฝ่ายรัฐฝ่ายเดียวไม่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ การจัดเวทีในครั้งนี้จะทำให้ประชาชนได้รับการเรียนรู้และปัญหาของประชาชนจะได้รับการแก้ไข แต่ผลพวงจากรัฐธรรมนูญนี้กำหนดให้ผูกพันให้เป็นหน้าที่ของรัฐในการที่ต้องในความสะดวกแก่ประชาชนต้องจัดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการที่จะเข้ามาดูแลการบริหารราชการแผ่นดินและร่วมกันในการพัฒนาประเทศให้มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน แต่ในขณะเดียวกันการพัฒนาประเทศประชาชนจะต้องยอมเสียสละบางอย่าง ต้องพยายามปรับตัว ให้ทำถูกต้อง เพื่อสังคมที่ดีและสนับสนุนให้การทำในสิ่งที่ดีที่เป็นมาตรฐาน สามารถทำให้เศรษฐกิจพัฒนามากยิ่งขึ้นต่อไป |
||
| ข้อมูลจาก :: สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต [2561-05-04] | ||
| ข่าวอื่นๆ | ||
| >> ข่าวทั้งหมด | ||