![]() |
ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวเพิ่มเติมว่า การกระทำดังกล่าว เป็นการกระทำในบริเวณเขตน่านน้ำ จึงเป็นอำนาจของ ทัพเรือภาคที่ 3 โดย ศรชล เขต 3 ซึ่งขณะนี้ ได้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ติดตั้ง อุปกรณ์ดังกล่าว ตาม กฎหมาย มาตรา 119 ที่ สภ. วิชิต อ.เมืองภูเก็ต และพนักงานสอบสวน สภ. วิชิตจะดำเนินการเก็บข้อมูลหลักฐานต่างๆ สอบสวนบริษัทที่รับจ้างต่อเรือและวัตถุลอยน้ำเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป ทางด้าน นายวิวัธน์ ชิดเชิดวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ตกล่าวว่า เขต 12 ไมล์ทะเลเป็นอำนาจอธิปไตยของไทยและมีเขตต่อเนื่อง 24 ไมล์ทะเลซึ่งยังคงอยู่ในอำนาจการดูแลของไทยในเรื่องของการควบคุมมลภาวะทางด้านสิ่งแวดล้อมเช่นการทิ้งของเสียน้ำเสียขยะหรือการปล่อยน้ำมันเป็นต้นและจากเส้นฐานศูนย์กลางไปอีก 200 ไมล์ทะเลจะเป็นเขตเศรษฐกิจจำเพาะซึ่งจะเป็นการใช้น้ำเพื่อการประมง ทั้งนี้ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ตจะเร่งดำเนินการตามกฎหมายแจ้งให้ผู้ก่อสร้างทำการรื้อถอนสิ่งก่อสร้างภายใน 30 วันทั้งนี้หากผู้ก่อสร้างไม่ดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนดสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ตจะร่วมกับทัพเรือภาคที่ 3 ดำเนินการรื้อถอนสิ่งก่อสร้างดังกล่าวต่อไปเพราะหากปล่อยไว้อาจจะส่งผลกระทบต่อการเดินเรือและจะดำเนินและการดำเนินการดังกล่าวไม่มีการขออนุญาตดำเนินการแต่อย่างใดซึ่งต้นสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ตได้ออกประกาศสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ตแจ้งเตือนไปยังชาวประมงและผู้ที่เดินเรือให้ใช้ ความระมัดระวังในการเดินเรือในพื้นที่ที่มีการก่อสร้างวัตถุลอยน้ำดังกล่าวเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นในระหว่างการเดินเรือ โอกาสนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตได้ขอความร่วมมือสื่อมวลชนนำเสนอข่าว ขอให้นำเสนอข่าวบนพื้นฐานของข้อเท็จจริงที่ผ่านการพิสูจน์ตรวจสอเบอย่างถูกต้องชัดเจน เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ อธิปไตยของไทย และยังเกี่ยวเนื่องกับกฎหมายระหว่างประเทศอีกด้วย ทั้งนี้จังหวัดภูเก็ตจะมีการประชุมติดตามเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องทุกวันและผลการประชุม จะจัดทำข้อมูลข่าว ( Press Release) แจกให้กับสื่อมวลชนทราบต่อไป. [ 2562-04-26 ] |
>> ข่าวทั้งหมด |