บทที่ 1 สภาพทั่วไปของจังหวัด
ความเป็นมา
ขนาดพี้นที่และเขตการปกครอง
ลักษณะภูมิประเทศ ภูมิอากาศ
การปกครอง ประชากร
การประกอบอาชีพ
การเลือกตั้ง
สมาชิกวุฒิสภา
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
การเลือกตั้งท้องถิ่น
การออกเสียงประชามติ
บทที่ 2 ด้านสังคม
การศึกษา การสาธารณสุข
ศาสนา
ยาเสพติด
ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
สวัสดิการสังคม
แรงงานต่างด้าวในจังหวัดภูเก็ต สาธารณภัย
ภูมิปัญญาและแหล่งเรียนรู้
บทที่ 3 สภาพทางเศรษฐกิจ
ภาวะเศรษฐกิจการค้า
แนวโน้มการท่องเที่ยวในช่วงกลางปี 2553
ด้านแรงงาน
ด้านอุตสาหกรรม
ชุมชนและการรวมกลุ่ม
เกษตรกร
การเกษตรกรรม
โครงการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยว
บทที่ 4 โครงสร้างพื้นฐาน
คมนาคมและโครงสร้างพื้นฐาน
ป่าไม้
การชลประทาน
โครงการโครงสร้างพื้นฐาน
บทที่ 5 การพัฒนาจังหวัด
ปัญหาและความต้องการ
การวิเคราะห์สภาพแวดล้อม
กรอบการดำเนินงาน
ทิศทางการพัฒนา
ตัวชี้วัดและค่าเป้าหมาย
ยุทธศาสตร์ที่ 1
ยุทธศาสตร์ที่ 2
ยุทธศาสตร์ที่ 3
ยุทธศาสตร์ที่ 4
โครงการและงบประมาณ 2553
สารบัญ
บทที่ 1 สภาพทั่วไปของจังหวัด
บทที่ 2 ด้านสังคม
บทที่ 3 สภาพทางเศรษฐกิจ
บทที่ 4 โครงสร้างพื้นฐาน
บทที่ 5 การพัฒนาจังหวัด
|
ความเป็นมา
" ภูเก็ต " ได้มีการค้นพบหลักฐานทางโบราณคดีที่บ้านกมลา อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งได้ขุดพบเครื่องมือหินและขวานหินเป็นการแสดงให้ทราบว่ามี มนุษย์อาศัยในดินแดนแถบนี้ไม่ต่ำกว่า 3,000 ปี มาแล้วและได้มีหลักฐานการ กล่าวถึงดินแดนในแถบนี้อีกครั้ง เมื่อปี พ .ศ. 700 หรือ คริสต์ศตวรรษที่ 2 ในบันทึกของนักเดินเรือ ชื่อ คลอดิอุส ปโตเลมี กล่าวถึงผืนดินหรือแผ่นดินในส่วนนี้ว่า " แหลมตะโกลา " เป็นผืนดินที่ถูกดันออกมาทางใต้กลายเป็นแหลมยาว ๆ อยู่ส่วนปลายสุดของจังหวัดพังงา อันเนื่องมาจากการเคลื่อนไหวของรอยเลื่อนของเปลือกโลกขนาดใหญ่ ที่เรียกว่า รอยเลื่อนคลองมารุย ( Klong Marui Fault) ซึ่งวางตัวเป็นแนวยาวจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีและพังงา ลงมาทางทิศตะวันออกของภูเก็ต ต่อมาได้ถูกคลื่นลมในทะเลกัดเซาะ และตัดพื้นที่ดังกล่าวนี้ออกจากผืนแผ่นดินใหญ่ จนกลายเป็นเกาะโดยเกิดร่องน้ำระหว่างจังหวัดภูเก็ตและพังงาขึ้น ที่เรียกว่า ช่องแคบปากพระ (เป็นร่องน้ำแคบ ๆ โดยส่วนที่ลึกที่สุดลึกเพียง 8-9 เมตร ) ในปัจจุบันสำหรับการเรียกขานภูเก็ตของชาวต่างประเทศ ในอดีตนอกจากจะมีปรากฎในบันทึก เมื่อปี พ .ศ. 700 ของนักเดินเรือ คลอดิอุส ปโตเลมี ที่เรียกผืนดินในบริเวณนี้ว่า " แหลมตะโกลา " แล้ว ได้มีปรากฎหลักฐานการกล่าวถึงผืนดินในบริเวณนี้อีกครั้ง จากบันทึก และแผนที่การเดินเรือมาเอเชียตะวันออกของชาติยุโรป ระหว่าง พ .ศ. 2054-2397 เรียกผืนดินนี้ว่า " จังซีลอน" นอกจากนี้ ได้มีหลักฐานเกี่ยวกับการเรียกขานผืนดินนี้ของชาวทมิฬ์ในปี พ.ศ. 1568 ว่า " มณิกคราม " หมายถึง แก้ว ซึ่งมีความหมายตรงกับชื่อ " ภูเก็จ " ซึ่งแปลว่า เมืองภูเขาแก้ว ที่ปรากฎหลักฐานชัดเจนในจดหมายของท้าวเทพกระษัตรี เมื่อ พ.ศ. 2328 ที่เขียนถึงกัปตัน ฟรานซิส ไลท์ โดยเนื้อหาส่วนหนึ่งกล่าวถึงบุตรชาย คือ พระยาถลางเทียน เมื่อครั้งเป็นเจ้าเมืองภูเก็จ ความว่า ให้บอกไปแก่เมืองภูเก็จให้แจ้ง ข้าเจ้าจะเอาลงมาให้ และได้มีการเรียกขานเรื่อยมาจนกลายเป็น" ภูเก็ต " ซึ่งได้ปรากฎในราชกิจจานุเบกษามาตั้งแต่ พ.ศ. 2450 เป็นต้นมา
ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า ชื่อของจังหวัดภูเก็ตที่ได้มีการกล่าวขานตั้งแต่ในอดีตจนกระทั่งปัจจุบันนั้น ประกอบด้วย แหลมตะโกลา มณิกคราม จังซีลอน ภูเก็จ และภูเก็ต ซึ่งในบางครั้งได้มีการเรียกขานว่า สิลัน ถลาง และทุ่งคาร่วมด้วย
|