บทที่ 1 สภาพทั่วไปของจังหวัด
ความเป็นมา
ขนาดพี้นที่และเขตการปกครอง
ลักษณะภูมิประเทศ ภูมิอากาศ
การปกครอง ประชากร
การประกอบอาชีพ
การเลือกตั้ง
สมาชิกวุฒิสภา
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
การเลือกตั้งท้องถิ่น
การออกเสียงประชามติ
บทที่ 2 ด้านสังคม
การศึกษา การสาธารณสุข
ศาสนา
ยาเสพติด
ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
สวัสดิการสังคม
แรงงานต่างด้าวในจังหวัดภูเก็ต สาธารณภัย
ภูมิปัญญาและแหล่งเรียนรู้
บทที่ 3 สภาพทางเศรษฐกิจ
ภาวะเศรษฐกิจการค้า
แนวโน้มการท่องเที่ยวในช่วงกลางปี 2553
ด้านแรงงาน
ด้านอุตสาหกรรม
ชุมชนและการรวมกลุ่ม
เกษตรกร
การเกษตรกรรม
โครงการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยว
บทที่ 4 โครงสร้างพื้นฐาน
คมนาคมและโครงสร้างพื้นฐาน
ป่าไม้
การชลประทาน
โครงการโครงสร้างพื้นฐาน
บทที่ 5 การพัฒนาจังหวัด
ปัญหาและความต้องการ
การวิเคราะห์สภาพแวดล้อม
กรอบการดำเนินงาน
ทิศทางการพัฒนา
ตัวชี้วัดและค่าเป้าหมาย
ยุทธศาสตร์ที่ 1
ยุทธศาสตร์ที่ 2
ยุทธศาสตร์ที่ 3
ยุทธศาสตร์ที่ 4
โครงการและงบประมาณ 2553
สารบัญ
บทที่ 1 สภาพทั่วไปของจังหวัด
บทที่ 2 ด้านสังคม
บทที่ 3 สภาพทางเศรษฐกิจ
บทที่ 4 โครงสร้างพื้นฐาน
บทที่ 5 การพัฒนาจังหวัด
|
3. ภาคเกษตรกรรม สำหรับด้านการเกษตร (ยางพารา) ในปี 2552 ราคาเฉลี่ยยางแผ่นดิบคุณภาพ 3 ของจังหวัดภูเก็ตอยู่ที่กิโลกรัมละ 56.81 บาท ได้ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปี 2551 ซึ่งราคาเฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 78.49 หรือคิดเป็นร้อยละ 27.62 โดยราคาได้ปรับตัวลดลงตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 จนถึงไตรมาสที่ 2 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ซบเซาส่งผลให้ตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะจีนและญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตอุตสาหกรรมยานยนต์รายใหญ่ของโลกชะลอการนำเข้ายางธรรมชาติจากไทย อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาราคาจำหน่ายในช่วงไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4 ของปี 2552 ปรากฏว่าราคาราคายางพาราได้ขยับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสาเหตุเนื่องจากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย จากสภาพภูมิอากาศทางภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนตกชุกและหนาแน่น (เกิดพายุดีเปรสชั่น มิริแน ) ทำให้เกษตรกรกรีดยางได้น้อยลง ส่งผลให้อุปทานยางขาดแคลน รวมถึงภาวะเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว ตลาดมีความต้องการผลผลิตเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการแข่งขันกันรับซื้อยางพารา เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของตลาดโดยเฉพาะประเทศจีน ซึ่งได้ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยมีมาตรการลดภาษีและจ่ายเงินอุดหนุน จึงส่งผลทำให้ปริมาณความต้องการยางธรรมชาติในช่วงดังกล่าวเพิ่มขึ้น
ด้านการประมงในปี 2552 ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยปริมาณสัตว์น้ำที่จับได้รวมทั้งสิ้น 29,098.21 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2551 ซึ่งมีจำนวน 24,638.44 ตัน หรือคิดเป็นร้อยละ 18.10 ส่วนมูลค่าสัตว์น้ำ 1,634.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 1,566.34 ล้านบาท ของปี 2551 หรือคิดเป็นร้อยละ 4.33 โดยสัตว์น้ำจับได้มากที่สุดอยู่ในช่วงไตรมาสที่ 1 เนื่องจากเรือประมงจากฝั่งอ่าวไทยได้นำสัตว์น้ำมาขนถ่ายที่ท่าเทียบเรือประมงภูเก็ตเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากประกาศของกรมประมงที่ห้ามจับสัตว์น้ำในช่วงฤดูวางไข่ของฝั่งอ่าวไทย ประกอบกับเรือประมงจากจังหวัดข้างเคียง (พังงา กระบี่ ระนอง) ตลอดจนเรือประมงจากต่างประเทศ(ไต้หวัน จีน ญี่ปุ่น) ที่ทำการประมงในมหาสมุทรอินเดีย ได้นำสัตว์น้ำมาขนถ่ายที่ท่าเทียบเรือประมงภูเก็ตเพิ่มขึ้น โดยในปี 2552 สัตว์น้ำที่มีปริมาณมากที่สุดที่นำขึ้นจากท่าเทียบเรือประมงภูเก็ต ได้แก่ ปลาเลย ปลาทูแขก ปลาทูน่า ปลากะตัก และปลาโอ เป็นต้น ทั้งนี้ ตลาดการจำหน่ายสัตว์น้ำอยู่ในจังหวัดภูเก็ต คิดเป็นร้อยละ 48.85 ตลาดในกรุงเทพและจังหวัดอื่นๆ คิดเป็นร้อยละ 40.47 ตลาดต่างประเทศ (ญี่ปุ่น) คิดเป็นร้อยละ 7.12 และโรงงานทูน่าในประเทศ คิดเป็นร้อยละ 3.56
กราฟและแผนภูมิแสดงปริมาณสัตว์น้ำเปรียบเทียบระหว่าง ปี 2552 และปี 2551
ที่มา : สำนักงานพาณิชย์จังหวัดภูเก็ต
กราฟแสดงราคายางแผ่นดิบคุณภาพ3 เปรียบเทียบระหว่าง ปี 2552 และปี 2551
แผนภูมิแสดงราคาเฉลี่ยยางแผ่นดิบคุณภาพ 3 เปรียบเทียบระหว่างปี 2552 และปี 2551
ที่มา : สำนักงานพาณิชย์จังหวัดภูเก็ต
1 / 2 / 3 / 4 / 5 / 6
|